News online

กลับไปยังหน้าหลักเพื่อสนทนา C-Box ดู TV และฟังวิทยุ ได้ที่

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเคลื่อนขบวนให้มวลชนถูกฆ่า เพื่อชัยชนะของ แกนนำ นปช. สามเกลอ จะได้เป็น สส.

โดย วิญญาณวีรชน


จาก เพื่อ “โค่นอำมาตย์” ไปสู่การลดระดับการต่อสู้ลงมาเพื่อ “ขอให้ยุบสภา”

จากต้องการ “คนเรือนล้านมารุกไล่เปรมหัวหน้าอำมาตย์” มาสู่ “การร้องขอนายอภิสิทธิ์ สมุนปลายแถว ให้ยุบสภา”

บทพิสูจน์แกนนำ นปช.และทักษิณ ที่ต้องการชนะเลือกตั้งบน “ซากศพวีรชน”

ภาพใหญ่ของการต่อสู้ทางการเมืองนี้ เริ่มจากความพ่ายแพ้ของประชาชนที่ถูกปราบปราม และถูกฆ่าในเช้าตรู่ ที่สามเหลี่ยมดินแดง มีศพพลทหารอภินพตายในค่าย มีศพการ์ด นปช.ถูกฆ่าโยนทิ้งน้ำเจ้าพระยา ๒ ศพ ที่ถูกมัดด้วยเชือกร่มของทหาร เมื่อสงกรานต์เลือด เมษายน ๒๕๕๒

จากการพ่ายแพ้ครั้งนั้น ประชาชนเสื้อแดงได้ฟื้นฟูการต่อสู้ขึ้นอีก โดยก้าวข้ามนายอภิสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นสมุนอำมาตย์แถวหลัง แกนนำ นปช. ได้มุ่งหน้ายกระดับ “โค่นล้มอำมาตย์” ซึ่งเป็นศัตรูประชาชนระดับสูงกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

แกนนำได้ทำฉากหลังเวทีปราศรัย เป็นรูป ไดโนเสาร์สวมเพชรซาอุบ้าง ทำอักษรว่า “โค่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ชน”บ้าง พร้อมกับแขวนรูปกษัตริย์กับราชินีที่ท้ายตัวอักษร เพื่อเป็นนัยยะว่า อภิสิทธิ์ชนคือใคร?

ขณะนั้นสื่อพันธมิตรโจมตีว่า นปช.จาบจ้วงสถาบัน –แต่คนเสื้อแดง กลับฮึกเหิมและพอใจที่แกนนำ นปช. จะนำพาต่อสู้กับอำมาตย์

ครั้งนั้น แกนนำ นปช. ชูคำขวัญว่า “โค่นล้มอำมาตย์” (โค่นล้ม คือ ทำลายล้าง หรือกวาดล้าง ซึ่งเป็นข้อเสนอสูงสุดทางการเมือง ส่วนการเปิดโปง ต่อต้าน คือการด่าทอโจมตี ส่วนการเรียกร้อง คือ “การร้องขอ” ซึ่งเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ต่ำสุด)

แกนนำ มีการสัญจรไปต่างจังหวัด และพามวลชนไปเขาใหญ่ ไปเขายายเที่ยง นครราชสีมา และไปเขาสอยดาว ที่จันทบุรี ซึ่งล้วนแต่รุกคืบไปยัง “อำมาตย์โดยตรง” อำมาตย์เปรม และสุรยุทธ์ หนีหัวซุกหัวซุน หลบนักข่าว ปิดบังที่พัก หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนผ่านมาถึงช่วงกลับจากเขาสอยดาว แกนนำ นปช.สามเกลอ บอกว่า จะรุกไล่อำมาตย์ต่อไปที่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ ที่เขาสอยดาว มีเปรมเป็นประธานธนาคารกรุงเทพ

หลังจากเริ่มรุกไล่ไปถึงเปรมที่ รุกป่าสงวนแล้ว แกนนำ นปช. สามเกลอ ก็หยุดรุกไล่อำมาตย์เอาดื้อๆ ไม่แจ้งมวลชนว่าเพราะเหตุใด?

แทนที่จะรุกยื่นแจ้งความกองปราบให้จับเปรมและสุรยุทธ์ ที่รุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือ ยื่นหนังสือถึงสภาองคมนตรี ให้ปลดเปรม สุรยุทธ์ สิทธิ์ เศวตศิลา ที่รุกที่ดิน หรือต้องยื่นหนังสือถึงรัฐสภาให้ตรวจสอบ ยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการคณะต่างๆ ปปช. สตง. กองปราบ ดีเอสไอ หรือแจ้งความตำรวจท้องที่ฯลฯ ให้จับเปรม แต่ แกนนำ นปช. ได้หยุดการเคลื่อนไหวหน้าตาเฉย

แม้กระทั่ง ต้องทำฎีกา ถึงพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงแต่งตั้งเปรม สุรยุทธ์ สิทธิ์ เพื่อให้พระองค์ทรงปลด ประธานองคมนตรีและพวกที่รุกป่า แต่แกนนำก็หาทำต่อไม่

จุดนี้ คือจุดหักเหทางการเมือง-เป็นจุดที่เปิดเผยว่า “จุดยืนของสามเกลอและแกนนำ นปช. มิได้เป็นจุดยืนเดียวกันกับประชาชน” เป็นเหตุการณ์ที่รู้ได้ว่า “แกนนำทรยศประชาชน”แล้ว และพิสูจน์ต่อมาว่า “แกนนำ นปช.สามเกลอ ได้มุ่งหน้าหาซากศพและชักจูงให้ขบวนการประชาชนพ่ายแพ้ไปทั่วประเทศ”

ในที่สุด แกนนำ นปช. รู้จักคำว่า “ถอย”เพื่อสร้างกำลังใหม่ใหญ่กว่าเดิม นับจาก “สงกรานต์เลือด เมษา ๕๒” แล้ว เขารู้จัก ทำเวทีสัญจร-รู้จักการรุกไล่อำมาตย์-รู้การถอยกลับไปสร้างกองกำลังแล้วกลับมาสู้ใหม่ แต่กลับจงใจหน้ามึน ชุมนุมรอซากศพวีรชน รอให้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับทั่วด้าน และทั่วประเทศ

ด้วยความต้องการเพียง “ชัยชนะในการได้ลงเลือกตั้งแข่งกับลูกสมุนอำมาตย์(ปชป.)”เท่านั้น ทำให้แกนนำ “นำพาประชาชนไปตาย-โดยที่แกนนำ นปช. ทักษิณ –สามเกลอ ได้เล็งเห็นผลไว้แล้ว-และมีศพเกิดขึ้นที่ราชดำเนินแล้ว 25ศพ เมื่อ 10 เมษายน 2553 แล้ว ก่อนจะถูกฆ่าอีกรอบ ที่ราชประสงค์ เมื่อ 12-19 พฤษภาคม 2553 ในอีก หนึ่งเดือนต่อมา

แกนนำ นปช. สามเกลอ ทักษิณ มิได้ต้องการ “โค่นล้มอำมาตย์จริงๆ” มิได้ต้องการ “โค่นระบอบอำมาตย์” และยิ่งมิได้ “ต้องการเปลี่ยนระบอบราชาธิปไตยจริงๆ” เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ “ทหาร สมุนปลายแถว สุเทพ อภิสิทธิ์ สนธิ หมอตุลย์ และพันธมิตร ก็ยังอยู่ดีกินดี มีอำนาจ อาละวาดสังคมต่อไป

ทักษิณและแกนนำ นปช. ได้ผันตัวเอง เป็น “ผู้รักษาพระองค์อย่างเต็มตัว” และทรยศประชาชนไปแล้ว ทรยศที่หลอกประชาชนว่า “จะโค่นอำมาตย์” แต่กลับอาศัยสื่อ เทคนิคการชุมนุม เทคนิคการร้องเพลงและปราศรัย เทคนิคทางการตลาดและสร้างดารา เอาไปกระตุ้นอารมณ์การต่อสู้ โดยขาดการให้เหตุผลความรู้ทางการเมืองแก่มวลชน และขาดการส่งเสริมการจัดตั้งกลุ่มย่อย ขาดการให้สื่อตาสว่าง ขาดการจัดตั้งฝึกฝนประชาชนในการต่อสู้ตีชิงเอาอำนาจรัฐ แต่กลับให้คนมาร่วมชุมนุมเขย่าตีนตบเพื่อขอทานอำนาจให้แกนนำ

เมื่อประชาชนผู้บริสุทธิ์คลั่งไคล้การนำของแกนนำตัวตลกและดารา ที่ลงทุนด้วยเงินมหาศาล คลั่งไคล้แสงสีดารา เวทีและดนตรี –มวลชนก็ต้องเกาะติดถนนราชประสงค์ โดยเชื่อตามแกนนำที่ว่า –มันไม่กล้ายิง ถ้ายิงเราก็ชนะ และทักษิณจะเดินนำหน้ามาช่วยจากอีสาน

อาชญากรรมร่วมของฝ่ายที่เป็นผู้ฆ่าทหารและฝ่ายแกนนำที่ทรยศ


ระหว่างคนที่ล้อมฆ่าแบบบีบวงล้อม ฆ่าจริง และค่อยๆบีบแบบปล่อยให้หนีได้ ให้ถอยได้ฝ่ายนี้คือทหาร กับอีกฝ่ายหนึ่งที่รู้เห็นแล้วว่า “มันฆ่าจริง” ก็ยิ่งฝันถึงชัยชนะ ฝ่ายนี้คือแกนนำ นปช. ที่ชูซากศพประชาชน เป็นชัยชนะของพวกเขา โดยคิดว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์จะเสียความชอบธรรมปกครองต่อไม่ได้

ฝ่ายหนึ่งต้องการฆ่า อีกฝ่ายหนึ่งก็เกาะถนนรอให้ถูกฆ่า

แกนนำ นปช.รอ. จะอ้างว่า ไม่ต้องการให้ทหารฆ่า เป็นเพียงข้ออ้างว่าตนบริสุทธิ์ ที่อ้างหลังพ่ายแพ้แล้วเท่านั้น แถมยังมีสมุนที่แฝงตัวปะปนอยู่ในกลุ่มย่อยต่างๆ และแทรกซึมในกลุ่มเสื้อแดงที่แฝงตัวในชุมชน ที่พยายามจะใช้ชื่อ นปช. นำหน้ากลุ่มเสมอ เพื่อขัดขวางกลุ่มอื่นๆ

โดยพวกสมุนแกนนำ นปช.รอ. เหล่านี้ ได้ออกเดินสายว่า “ตายแค่นี้ก็คุ้ม ทำให้คนตาสว่าง” บ้าง “แกนนำไม่ผิดทหารเท่านั้นที่ผิด” บ้าง และยังพูดว่า “ประชาชนชนะทุกวัน” “ชัยชนะคือมีพวกมาก” ซึ่งล้วนแต่เป็นคำพูดที่มึนชาประชาชน มิให้ต่อสู้มากไปกว่ายกย่องทักษิณและแกนนำ นปช.รอ.

ถ้าแกนนำไม่ต้องการเหยียบศพวีรชน แกนนำจะต้องพาประชาชนถอยออกจากราชประสงค์ แบบถอยวน หรือกลับบ้าน เพื่อระดมคนกลับมาใหม่ หรือ เพื่อจะทำงานใหญ่คือโค่นอำมาตย์ จะต้องกลับไปรวบรวมกำลัง และระดมสมองต่อสู้ใหม่ ซึ่งพวกเขารู้ดี และก่อนที่จะมาชุมนุมในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓ นั้น พวกเขาก็ได้สัญจรไปทั่วประเทศแล้ว

แกนนำหวังว่าจะใช้การตายของประชาชนไปใช้โฆษณาปลุกระดมว่าถูกรัฐบาลฆ่า—หวังว่า ญาติของคนตายและประชาชนจะลุกฮือมาสมทบเพิ่ม—เขามีแต่ได้กับได้

ใครโทรศัพท์บอกพวกเขา ให้พาประชาชนถอยออกมาก่อน เขาก็ไม่ฟัง เตือนเขา เขาก็ด่า แถมเขาพูดว่า “มวลชนไม่อยากถอยเอง” โยนความผิดไปให้มวลชนว่า “บังคับให้เขาเกาะถนนราชประสงค์ต่อไป”

การเกาะถนนสู้กับลูกสมุนอำมาตย์ที่ราชประสงค์ เพื่อจะได้เลือกตั้งเร็วขึ้นนั้น จึงมิใช่“เป้าหมายการโค่นอำมาตย์ หรือเพื่อเปลี่ยนระบอบตามที่ประชาชนต้องการแต่อย่างใด” หากเป็น “ความต้องการของทักษิณ และแกนนำ ล้วนๆ” พวกเขามาชักจูงด้วยอารมณ์โฆษณาชวนเชื่อล้วนๆ หลอกล่อล้วนๆ หาใช่การตระเตรียมเพื่อชัยชนะเหนืออำมาตย์อย่างเด็ดขาดไม่ เขามุ่งต่อซากศพประชาชนล้วนๆ

เขาต้องการ หากินร่วมกันกับอำมาตย์เท่านั้น

ทุกวันนี้ พวกเขาสมหวังแล้ว พวกเขา(ทักษิณ –แกนนำสามเกลอ) คงแอบพึงพอใจลึกๆ ว่า เพราะเขาใช้วิธีจัดเวทีคอนเสิร์ทเกาะถนนจนประชาชนถูกฆ่า- ทำให้คนตาสว่าง ทำให้อภิสิทธิ์แพ้เลือกตั้ง ทำให้ทหารถูกด่า เขาได้รับความนิยม ทำให้พวกเจ้าศักดินาถูกต่างประเทศประณาม

เขาคงดีใจมากที่มีศพวีรชนเกิดขึ้น จนทำให้พวกเขามีวันนี้ คนที่ฆ่าถูกด่า คนได้คือเขา คือ เขาได้ทั้งเงิน ทั้งตำแหน่ง ได้เป็นรัฐบาลที่ทั้งเจ้าและอำมาตย์ก็เกรงขาม
...............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น