โดย วิญาณวีรชน
๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๔
เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔ แกนนำ นปช.รอ.ได้จัดงานรำลึก ครบรอบ ๕ ปี การรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ณ. ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
นายจตุพร แกนนำ นปช.สามเกลอ ได้กล่าวว่า “ถ้ามีการปฏิวัติอีก(รัฐประหาร) ให้ประชาชนออกจากบ้านมารวมตัวกันทันทีที่อนุสาวรีย์แห่งนี้” “เรานัดกันที่นี่นะครับ แล้วพวกปฏิวัติจะรู้ว่าประชาชนจะสู้แบบชาวลิเบีย”
คำพูดทำนองนี้ มีมานานอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อและหลายเวที (คำว่า “รัฐประหาร” นั้น จตุพรจะพูดว่า “ปฏิวัติ” โดยเขาจงใจบิดเบือนว่า รัฐประหารคือ “ปฏิวัติ” ปฏิวัติคือเปลี่ยนระบอบ รัฐประหารคือเปลี่ยนบุคคล จัตุพรจะชอบการเปลี่ยนบุคคล)
เมื่อการรัฐประหารโดยทหารครั้งใหม่ ที่จะมาถึงอีกในครั้งหน้านี้ จะมีลักษณะดังนี้
๑.นายกรัฐมนตรี ถูกจับกุมคุมตัว
๒.รัฐมนตรีฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่คุมกำลัง คุมสื่อ คุมมวลชน จะถูกควบคุมตัว และขังไว้ในค่ายทหาร
๓.รัฐมนตรี สส. นักวิชาการ บางส่วนหนี ซ่อนตัว
๔.แกนนำสามเกลอ แกนนำมวลชน บางคนถูกควบคุมตัวไว้ล่วงหน้าก่อนประกาศ “การยึดอำนาจ” หรือ “ประกาศกฎอัยการศึก”
๕. ทหาร ตำรวจ ตั้งด่านตามสี่แยก รถถัง ป้อมปืน พลลาดตระเวนที่มีเครื่องมือสื่อสาร และปืนครบมือ
๖.มีสายลับทหาร ตำรวจลับ สายลับในมวลชนรายงานเหตุการณ์ ฝ่ายซุ่มสังเกตการณ์ กล้องวงจรปิด ฯลฯ จะออกปฏิบัติการดูการณ์เคลื่อนไหวมวลชน
ข้อเสนอของจัตุพร แกนนำสามเกลอ ได้มีประชาชนขานรับและเชื่ออย่างงมงายอีกครั้ง มีนักปราศรัยฝ่ายสามเกลอ นำไปพูดให้มวลชนฟังอีกหลายเวที และสามเกลอ พูดออกสื่อโทรทัศน์ซ้ำไปมา
วิเคราะห์ได้ว่า “แกนนำสามเกลอต้องการให้มวลชนออกมาในที่โล่ง มือเปล่า โดยไม่มีแกนนำ และไม่มีแผนงาน แต่พวกเขาทุกคนเตรียมหนี มีที่สำรอง มีเซฟเฮ้า(บ้านลับ-บ้านสำรอง-แม้กระทั่งเตรียมทางหนีออกนอกประเทศ) พวกเขามีสายข่าวตำรวจ ทหารลับๆ ที่จะพาเขาหนี บางคน เช่น จตุพร อาจถูกจับก่อนการประกาศยึดอำนาจเสียอีก ” (ที่ราชประสงค์ บรรดาแกนนำเตรียมทางหนีไว้ในใจทุกคน ถ้าหนีไม่ทันเขาก็เตรียมยอมจำนนทุกคน –ไม่มีสักคนที่ “สู้ตาย” แต่เขาบอกประชาชนให้ “สู้ตาย”
ไม่มีเวที ไม่มีแกนนำ ไม่มีลำโพง ไม่มีป้าย ไม่มีเต้นท์ที่จะใช้ปราศรัยได้เลย มวลชนจะเดินทางผ่านด่านยังไม่ได้ ฝ่ายยึดอำนาจมันไม่โง่ที่จะไม่ตั้งด่าน สามเกลอย่อมคาดคะเนสิ่งเหล่านี้ได้
แต่ด้วยจิตใจเลวทราม ไม่ต้องการโค่นล้มอำมาตย์จริงๆ และไม่ต้องการให้ประชาชนรากหญ้ามีชัยชนะจริงๆ ไม่ต้องการให้ประชาชนชนะอำมาตย์ในทุกท้องถิ่นจริงๆ และเพราะพวกเขา “อาศัยศพชาวบ้านเป็นบันไดไปหากินกับอำมาตย์” พวกเขาจึงเสนอยุทธวิธีทางการเมือง ที่จะให้ประชาชนออกมาปรากฎตัวแบบตายเปล่าๆ อีกครั้ง
เขาอ้างลิเบีย ตูนีเซีย อียิปต์ (เขาไม่อ้าง เนปาล เวียดนาม จีน ฝรั่งเศส) เขาอ้างแบบหนูขู่แมว-เขาอ้างส่งเดช-เขาอ้างให้คนหยุดอยู่แค่การมาร้องขอ-มาร้องรำทำเพลง-มาฟังเขาสำรอกคารม-ทำท่าทางตลกเท่านั้น-เขาคือนักปราศรัยและตัวตลกแดก ที่มานำพาทางการเมืองแบบ ลวงโลก คดโกงเงินบริจาค โกงค่าทำบัตร นปช. ไม่ทำตามสัญญาประชาชน
ณัฐวุฒิ อ้างว่า ต้อง “ทำตามมติพรรค” นี่คือ สิ่งที่เขากำลังบอกคนตามตูดเขาว่า “กูไม่ได้ต้องการทำตามความต้องการเปลี่ยนระบอบของประชาชนนะโว้ย” “กูคนละพวกกับประชาชนโว้ย เพราะพรรคเพื่อไทย ทักษิณ คือนายจ้างของกู” หาใช่ จำเป็นต้องสำนึกข้าวปลาอาหารของประชาชนที่เขากินไม่
ทุกวันนี้ พวกเขาไม่มีท่าทีที่จะลาออกจากแกนนำ นปช.หรือเลือกตั้งใหม่ ไม่มีการสรุปบทเรียนที่พ่ายแพ้เอาศพประชาชนเป็นบันได และเขาไม่จัดกิจกรรมที่จะเปลี่ยนระบอบใดๆอีก เขารอนายจ้างสั่ง แบบหมารับใช้ เห่าเมื่อนายสั่งให้เห่า หมอบเมื่อนายสั่งหมอบ และนั่งรอแดกอาหารเมื่อได้ทำตามนายสั่งแล้ว
ทุกวันนี้ แกนนำสามเกลอ เขามีเงินและตำแหน่งแล้ว ถ้าเขาจะทำกิจกรรมเปลี่ยนระบอบเขาทำได้มากกว่าเดิม แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำมากกว่านี้ “เห่าหอนอภิสิทธิ์บ้าง ชมนายเขาบ้าง หอนเป็นเพลงปลอบใจมวลชนบ้าง”ก็หากินได้แล้ว
วันๆ เขาออกสื่อ เลี้ยงกระแสมิให้คนลืม นำเสนอข่าวรายวัน นำเสนอปรากฎการณ์ทางสังคมดาดๆ ที่ไม่มีทฤษฎีรองรับ ใช้คำพูดไปไม่ถึงปรัชญาและกฎเกณฑ์การเปลี่ยนระบอบเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเชื่อว่า “ฝูงคนจะตามบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ได้ตามแนวทางที่ลึกซึ้งอะไร ฝูงคนตามเขาด้วยอารมณ์ชอบ-ชัง(เขาจึงมุ่งให้มีศพมากๆ คนโกรธอภิสิทธิ์มากๆ ก็จะรักเขามากๆเอง) พวกเขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากมวลชน เขาไม่ให้ความรู้ ไม่ให้ปัญญา และไม่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยในกลุ่มย่อย แม้ในพวก นปช.ของเขาเอง ก็ไม่จำเป็นต้องมีประชาธิปไตย “ทักษิณจ่ายเงินผ่านใคร คนนั้นมีอำนาจชี้นำ) เขาไม่ให้ใครไปตรวจสอบการเงินที่เขารับมาจากการบริจาคและค่าทำบัตร
เขาพูดแค่ว่าระบอบทุนนิยมของเขาแจกทานมากกว่าเจ้าเท่านั้น พวกเขา “ทำการตลาด” ทำโลโก้ ทำเพลง เพื่อให้มวลชนเดินตามแบบ “อารมณ์พาไป” และให้รอการชี้นำจากเขาก็พอแล้ว
แกนนำ นปช.รอ. ตื้นเขินด้วยปัญญา และแฝงด้วยจิตใจเลวทราม สกปรก เป็นฆาตกรร่วม เตรียมการปูทางนำมวลชนสู่ความพ่ายแพ้ใหญ่อีกครั้ง – ฉะนั้น ในยามต่อสู้ มวลชนเสื้อแดงจงก้าวข้ามและเหยียบซ้ำต่อแกนนำสามเกลอที่พาคนไปตายและพ่ายแพ้อย่างไม่รับผิดชอบ—ในยามต่อสู้ ใครอยู่ใกล้จงตบปากและกระทืบเขาก่อน เพื่อมิให้เขาเป็นอุปสรรคที่จะนำพาประชาชนไปสู่ชัยชนะที่แท้จริง
ประชาชนจงตาสว่างสองชั้นเถิด ตาสว่างจากการกดขี่ขูดรีดทารุณของจ้าวแล้ว และจงตาสว่างจาก”การนำลวงโลก ของลูกจ้างทักษิณ-- ที่ไม่อาจนำพาชัยชนะต่อระบอบจ้าวมาสู่ประชาชนได้เลย.
-------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น