News online

กลับไปยังหน้าหลักเพื่อสนทนา C-Box ดู TV และฟังวิทยุ ได้ที่

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รู้ทันศัตรู (2) & 10 ตำนาน Hacker ระดับโลก

รู้ทันศัตรู (2)

โดยนายพอน ตาไว


เมื่อการต่อสู้ทางชนชั้นมีความดุเดือดเข้มข้น การล้วงความลับของฝ่ายตรงกันข้ามเพื่อรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและภาวการณ์ของฝ่ายตรงข้ามจึงก็มีความสำคัญต่อชัยชนะหรือพ่ายแพ้มากยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันจึงพัฒนาเทคนิควิธีการและเทคโนโลยีเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อจะแสวงหาข้อมูลหรือล้วงความลับให้รวดเร็วแม่นยำอย่างไม่หยุดยั้ง

อย่างไรก็ตาม “คน” ก็ยังเป็นปัจจัยชี้ขาดในการนำเครื่องมือไปใช้ ตั้งแต่การพกพา การติดตั้ง การขนส่ง การบันทึก เมื่อได้ความลับมาแล้วก็มี “คน” อีกนั่นแหละที่จะทำการประมวลผล ตีความหมาย ประเมินคุณค่า และตัดสินใจนำข้อมูลลับนั้นไปใช้เพื่อการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี

ทุกวันนี้ ศัตรูได้ส่งสายลับเข้าแทรกซึมในขบวนปฏิวัติประชาชนทั่วไปหมด พวกมันมีเทคนิควิธีการเป็นพันเป็นหมื่นชนิดที่จะได้ข้อมูลจากฝ่ายประชาชน ซึ่งจากตำราพิชัยสงครามซุนหวู่ได้กล่าวไว้ว่า

"สายลับ" ซึ่งใช้งานได้มีอยู่ ๕ ประเภท คือ สายลับพื้นเมือง สายลับภายใน สายลับสองหน้า สายลับกำจัดได้ และสายลับมีชีวิต

เมื่อสายลับทั้ง 5 ประเภทลงมือทำงาน ต่างก็ปฏิบัติภารกิจของตนไปพร้อมๆกัน โดยไม่มีผู้ใดรู้วิธีหาข่าวของสายลับเหล่านี้

สายลับพื้นเมือง คือ คนท้องถิ่นของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับภายใน คือ นายทหารของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับสองหน้า คือ สายลับของข้าศึกที่เราเอามาใช้งานได้
สายลับกำจัดได้ คือ สายลับฝ่ายเราที่เราส่งไปในดินแดนของข้าศึก เพื่อสร้างข่าวลวงขึ้น
สายลับมีชีวิต คือ สายลับที่กลับมาได้พร้อมข่าว”

ปัจจุบัน ได้มีรูปแบบของสายลับใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด เช่น คนที่เป็นสายลับทางคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า นักแฮกเกอร์(hacker) แครกเกอร์ ( Cracker) และ สคริปต์คิดดี้ส์ (Script - Kiddies) ฯลฯ ที่โด่งดังเมื่อไม่นานนี้ คือ กรณีของนายนายจูเลียน แอสแซงจ์ ที่ขโมยข้อมูลของสถานทูตอเมริกามาเผยแพร่ในเว็บไซต์วิกิลีกส์ ขณะที่บางคนเจาะข้อมูลขององค์การนาซ่า และเอฟบีไอ บางคนปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์ทำลายข้อมูลต่างๆพังพินาศไปทั่วโลก คนเหล่านี้คือคนที่สามารถล้วงความลับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยวิธีการและวัตถุประสงค์ต่างๆกัน ซึ่งนอกจากจะล้วงความลับได้แล้วยังสามารถส่ง virus เข้าไปทำลายข้อมูลและทำลายระบบการทำงานของเครื่องยนต์กลไกที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้ ตลอดจนขโมยเงินจำนวนมหาศาลจากบัญชีธนาคารและบัญชีของคนอื่นได้อีกด้วย


สำหรับสายลับที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้เองนี้ ได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมีรูปแบบแปลกประหลาด บางชนิดก็ใหญ่โต เช่น ดาวเทียมสอดแนม บอลลูน ฯลฯ บางชนิดก็สร้างแบบแนบเนียนจนยากจะสังเกตเห็น เช่น หุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ด (hummingbird) หุ่นยนต์งู สปาย จอมเลี้อย หุ่นยนต์ค้างคาวสายลับ spy-bat เป็นต้น หุ่นยนต์เหล่านี้สามารถเลื่อนตัวเข้าไปสอดแนมโดยใช้การควบคุมระยะไกล ผ่านคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สายลับสมัยใหม่ และล้วงความลับข้าศึก แล้วส่งสัญญาณรายงานผลกลับทันที

หุ่นยนต์นกฮัมมิ่งเบิร์ด (hummingbird)


เมื่อชนชั้นปกครองมีเงิน คน ทักษะ ความรู้ ความชำนาญและเทคโนโลยีสูงเช่นนี้ ฝ่ายประชาชนจึงต้องเรียนรู้คน องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสายลับให้มกขึ้น และต้องรู้ถึงผู้ใช้
และผู้มีอำนาจสั่งการของฝ่ายศัตรูทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นด้วย

ในระยะที่ฝ่ายประชาชนยังอ่อนแอต้องการสะสมกำลังรอคอยโอกาส ประชาชนควรฝึกสังเกตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้าล้วงความลับของศัตรู ต้องหมายตา บันทึกจดจำชื่อที่อยู่หน้าตา พาหนะของสายลับภายนอกที่เข้ามาหาข่าวในชุมชนหรือสายลับในชุมชน แล้วบอกชื่อรูปร่างหน้าตาผู้ที่เป็นสายลับแก่กันและกัน และต้องรู้จักป้องกันและหลบหลีกการติดตามหาข่าวของศัตรู ซึ่งสิ่งที่พวกมันต้องการรู้คือ การจัดประชุม การจัดศึกษา ใครเป็นวิทยากร ใครคือผู้นำความคิด ใครคือผู้นำการปฏิบัติการ มีใครเข้าร่วมประชุมบ้าง คุยอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีทัศนะล้มจ้าว และผู้ที่มีทัศนะต่อสู้ด้วยอาวุธพวกสายลับจะควานหาตัวเป็นพิเศษ
ในระยะของการลุกขึ้นสู้ ฝ่ายประชาชนต้องช่วงชิงลงมือกำจัดสายลับให้เร็วที่สุดเป็นลำดับแรก

สำหรับบทเรียนตัวอย่างที่สายลับของศัตรูกระทำต่อขบวนการคนเสื้อแดง โดยใช้ข้อหา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญํติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” มีดังนี้

กรณีที่ 1 กรณีนายกล้าหาญ(นามสมมุต) พักอาศัยที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ถูกชายหน้าตี๋และพวก 4 คน ผู้หญิง 1 คนแนะนำตัวว่ามาจากสันติบาล เข้าควบคุมตัวแล้วแจ้งว่า นายกล้าหาญส่งข้อมูลหมิ่นพระมหากษัตริย์ไปตามอีเมล์ต่างๆ พร้อมแสดงข้อมูลที่ปริ้นออกมากว่า 1,000 แผ่น และข่มขู่ว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด หากจะรอญาติหรือทนายความก็จะจัดการส่งเข้ากระบวนการจับกุมเดียวนี้ทันที พร้อมทั้งยึดเอาโน้ตบุ้คในห้องพักไปด้วย แล้วบอกว่าหากพบสิ่งผิดกฎหมายในโน๊ตบุ้คอีกจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

จากกรณีของนายกล้าหาญ ยังพบข้อมูลการปฏิบัติการของสันติบาลก่อนหน้านี้ คือการส่งเจ้าหน้าที่เข้าเช่าอพาร์ตเม้นต์เฝ้าเป้าหมายมาก่อนแล้วกว่าสามเดือน มีผู้จัดการอพาร์ตเม้นต์รู้เห็นเป็นใจกับฝ่ายศัตรูประชาชน และที่สำคัญเจ้าหน้าที่สันติบาลยังบอกว่าเปิดดูอีเมล์ได้ทุกอีเมล์ของนายกล้าหาญที่มีรหัสและชื่อแตกต่างกัน และยังบอกชื่อปลอมของนายกล้าหาญที่ใช้กับหญิงคนหนึ่งซึ่งต่อมารู้ว่าหญิงคนนี้เป็นสายลับที่มาหาข้อมูลด้านลึกและฝังตัวในเครือข่าย หญิงคนนี้ยังหลอกให้นายกล้าหาญไร้ท์ซีดีชูพงศ์และภาพลับราชวงศ์ให้อีกด้วย อันเป็นหลักฐานทางกฎหมายแบบล่อซื้อยาเสพติดนั่นเอง

กรณีที่ 2 กรณีนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยามได้ปรากฏว่ามีสายลับเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิดและแสดงท่าทีเป็นคนเสื้อแดงที่เอาการเอางานมาก มันมีเวลาให้กับการทำกิจกรรม ไม่มีความเดือดร้อนเรื่องเงินทองและสามารถร่วมงานตลอดเวลา (เนื่องจากมีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในฐานะสายลับจากชนชั้นปกครอง) การปราศรัยบนเวทีของสุรชัยที่มีลักษณะเฉียดฉิวไปมาไม่เป็นประเด็นความผิดทางกฎหมายที่ชัดเจน แต่สายลับกลับตามแอบบันทึกเสียงสุรชัยและคนอื่นๆ ในขณะที่พักผ่อนหรือพูดคุยกันนอกเวที ที่มีผู้ปฏิบัติงานต่างๆ ที่ต้องพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมของจ้าวโดยไม่ระมัดระวัง ซึ่งนำไปสู่การประเมินบทบาทของสุรชัยในแนวทางการต่อสู้ที่ฝ่ายจ้าวกลัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือได้ว่า สายลับที่ฝังตัวอยู่ในขบวนการแดงสยามเป็น อสรพิษร้ายกาจและอันตรายที่สุด

จากตัวอย่างดังกล่าว ย่อมสะท้อนถึงความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฝ่ายประชาชนกับสายลับฝ่ายชนชั้นศักดินาที่ต้องขับเคี่ยวเอาเป็นเอาตายกันอีกยาวนาน ซึ่งฝ่ายประชาชนตกเป็นฝ่ายถูกกระทำย่ำยีอยู่ฝ่ายเดียว โดยเฉพาะฝ่ายประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่าถูกจับคนแล้วคนเล่า ฝ่ายสายลับที่คอยชี้เป้ากลับลอยนวล อยู่ดีกินดี มีลาภยศสรรเสริญ มีงานทำ มีเงินมากในขณะที่ประชาชนออกไปต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมต้องเสียเงินทอง เลือดเนื้อและชีวิตของตนเอง

ในคราวที่คนเสื้อแดงชุมนุมที่ถนนราชดำเนินและที่สี่แยกราชประสงค์ ฝ่ายชนชั้นศักดินาได้ส่งสายลับหลายร้อยคนเข้าปะปนกับคนเสื้อแดงตลอด 24 ชั่วโมง และวางสายลับไว้ทุกด่านตรวจของคนเสื้อแดง ซึ่งสายลับแต่ละคนต้องรายงานเหตุการณ์และรายงานบุคคลที่ตนพบเห็นต่อเจ้านาย แต่กลับไม่มีรายงานว่า “ชายชุดดำ”ในที่ชุมนุม นี่แสดงว่าชนชั้นปกครองก็รู้ว่าไม่มีผู้ถืออาวุธชายชุดดำอยู่ในที่ชุมนุม เพราะหากมีชายชุดดำที่ไล่ฆ่าคนเสื้อแดงจริงก็ต้องมิอาจเล็ดรอดสายตาสายลับหลายร้อยคนไปได้ และต้องมีในบันทึกรายงานประจำวันของสายลับ

นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า ชนชั้นปกครองปกปิดการทำงานของสายลับ และต้องการใช้งานสายลับซ้ำโดยมิให้สายลับเป็นที่เพ่งเล็งของคนเสื้อแดง จนกว่าคนเสื้อแดง จะตระหนักรู้ที่จะรู้ทันและกำจัดสายลับนั้นเสีย.

10 ตำนาน แฮกเกอร์ของโลก

แฮกเกอร์ (Hacker) คือ บุคคลผู้ที่เป็นอัจริยะ มีความรู้ในระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ โดยเจาะผ่านระบบรักษาความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์ได้และประยุกต์เอาความรู้ธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือพิเศษ

Hacker หลักๆก็แบ่งได้2ประเภท คือ White-Hat และ Black-hat

และนี่คือ...10 ตำนาน Hacker ระดับโลก

ตำนาน Black-hat Hacker ระดับโลก

Jonathan James

ตอนที่หมอนี่โดนจับ ทั่วทั้งอเมริกาแตกตื่น เพราะหมอนี่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น(เวรตูยังดูช่องเก้าการ์ตูนอยู่เลย) Jonathan James หรือชื่อรหัสในโลก Hacker ก็คือ c0mrade ได้สร้างชื่อด้วยการเจาะระบบมากมาย ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouth ไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 หมอนี่ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasa ซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasa พัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปหน้าตาเฉย ซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไข ทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 $ ปล. หมอนี่บอกกับศาลว่า เค้าอยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้น แต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์เลยเชียวหรือ

Adrian Lamo

อีตานี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Hacker ที่แสบไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่โดน Adrian Lamo เจาะเข้าไป ก็มีตั้งแต่ หนังสือพิมพ์ The New York Times , Microsoft , Yahoo , Bank of America , CitiGroup และ Cingular ซึ่งที่ๆสร้างชื่อเสียงที่สุดให้เขาก็คือ การที่เขาเจาะเข้าไปใน The New York Times และเอาชื่อตัวเองเข้าไปใส่ไว้ใน แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระดับสูงของหนังสือพิมพ์ The New York Times และใช้บัญชีของนักเขียนชื่อดัง LexisNexis ในการค้นคว้างานวิจัยจากฐานข้อมูลของ The New York Times อีกด้วย หลังจากที่ใช้กรรม ไปมากมาย ตอนนี้ Adrian Lamo ทำงานเป็นนักข่าว และนักพูด เกี่ยวกับวงการ Hacker และพึ่งจะได้รับรางวัลนักข่าวยอดเยี่ยมมาไม่นานนี้เอง

Kevin Mitnick

นี่คือชายที่ครั้งหนึ่ง กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเคยหมายหัวไว้ว่า “อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทางสหรัฐต้องการตัวมากที่สุด” เพราะเขาคือคนแรกที่ทำให้คำว่า Hacker โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ผลงานของ Mitnick อาจจะเก่าไปซักหน่อย เพราะพี่ท่านเล่น Hack มาตั้งแต่ช่วงปี 70’ กับผลงานการเจาะระบบ Punch Card ของ Los Angeles Bus System ทำให้เขาสามารถขึ้นรถเมล์ได้ฟรีตั้งกะอายุ 12. เข้าไปป่วนระบบโทรศัพท์ทำให้โทรทางไกลได้ฟรีๆ จากนั้นก็ ขโมยข้อมูลของบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง DEC (Digital Equipment Corporation) ตามด้วยหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โอ๊ย อีตานี่แสบๆๆ หลังจากที่ไปรับกรรมในคุกอยู่สองปีครึ่ง ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น Hacker ที่หลายๆบริษัทขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบระบบครับ(และสำคัญมากเป็นเพราะอี ตานี่เองที่ทำให้โลกเราได้รู้จัก White-Hat สายเลือดเอเชียที่เก่งกาจ)

Kevin Poulsen

มีชื่อเรียกสวยเก๋ในวงการแฮกเกอร์ว่า Dark Dante, ผลงานเด่นๆของ Kevin Poulsen ก็คือการที่เค้าเจาะระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA ทำให้เค้าได้รางวัลรถ Porsche มาครอง และที่เด่นๆ ก็คือ อีตานี่แหย่หนวดเสือไป เจาะระบบฐานข้อมูลของ FBI ครับ และที่สำคัญก็คือ ระบบดักฟังของ FBI ครับ หลังจากที่ Kevin Poulsen โดนซิวไป 5 ปี ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired News และคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆอีกมากมาย

Robert Tappan Morris

เค้าคือลูกชายของอดีตเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ ของ NSA (National Security Agency) แท้ๆแต่ดันใช้ความรู้ในทางที่ผิดก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่ว เพราะหมอนี่แหละครับคือคนแรกที่สร้าง Worm ขึ้นมา และทำให้ระบบเครือข่ายพังทลายไปหลายวันเลยทีเดียว ขณะที่ Morris กำลังเรียนอยู่ที่ Cornell เค้าอยากรู้ว่าอินเทอร์เน็ตมันใหญ่ขนาดไหน เค้าก็เลยสร้างโปรแกรมที่มันจะเจาะไปได้เรื่อยๆ ไปๆมาๆ นั่นกลายเป็นเวิร์มตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า MorrisWorm หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์กว่า 6,000เครื่องทั่วโลกก็เจ๊งยับ เพราะเวิร์มของหมอนี่ พอโดนจับ Morris ก็โดนลงโทษจำคุก 3 ปีและโดนค่าปรับ 10,500 เหรียญและ ทำงานช่วยเหลือสังคมอีก 400 ชม.(ลงโทษขนาดนี้ แรงไปไหมพี่ เบากว่านี้ได้อีกนะ ) และหลังจากที่รับกรรมไปแล้ว ตอนนี้ Robert Morris ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ MIT ครับ


..และมาต่อกันด้วย ตำนานฝั่งสีขาว White-Hat Hacker..

Stephen Wozniak

พูดถึง Apple Computer ใครๆก็อาจจะนึกถึง Steve Jobs ชายหนุ่มหัวแอบล้านซึ่งหลายๆคนรอคอย KeyNote ของเค้าในงาน MacWorld Conference ทุกปี แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วถ้า Apple Computer ขาดเค้าคนนี้ไปล่ะก็ มันจะไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะ Steve Wozniak คือผู้่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ครับ การเป็น Hacker ช่วงแรกของเค้าอยู่ที่ เค้าได้ไปอ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ในหนังสือ Esquire เข้า หลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBox เครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้คุณสามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ (เอาเข้าไป) มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปา โดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissinger รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้น แสบจริงๆ สำหรับช่วงแรกของการก่อตั้ง Apple Computer. Wozniak ได้ขายเครื่องคิดเลขแสนแพงของเขา และ Jobs ได้ขายรถแวนของเขา เพื่อเป็นทุนในการก่อตั้ง Apple Computer ครับ และสุดทเครื่อง Apple I ก็วางตลาด และทั้งคู่ได้ขายเครื่องนี้ในราคาเครื่องละ 666.66$ (เลขซาตานชัดๆ)

Tim Berners-Lee

ต้องขอบอกว่า ถ้าไม่มีอีตานี่โลกเราจะไม่มีคำว่า World Wide Web ครับ เพราะเค้าคนนี้คือ คนที่ คิดค้น www ขึ้นบนโลก. Tim Berners-Lee เป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ ​Mary Berners-Lee ซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1 เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็น FreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป) ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อ ความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อมันผนวกเข้ากับ TCP และ DNS ล่ะก็ มันจะเป็นความสุดยอดของ HyperText แน่นอน และหลังจากนั้นมันจึงกลายเป็น ​World Wide Web ครับ เมื่อปี 2548 เขาได้รับรางวัล 1 ในร้อยบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั้งโลกมากที่สุด และในปี 2550 Tim Berners-Lee ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายหน้า จากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบทที่สอง เป็นการส่วนพระองค์ ทำให้ตอนนี้เค้ากลายเป็น Sir Tim Berners-Lee ไปแล้วครับ ผลงานการ Hack ของ Tim Berners-Lee ไม่เป็นที่ปรากฏ แต่ว่า เรื่องนี้ก็ทำให้เค้าโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Oxford ล่ะครับ ปล. เว็บไซต์แรกของโลกคือ http://info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee นี่แหละครับ

Linus Torvalds

บิดาผู้ให้กำเนิด Linux ระบบปฏิบัติการ Unix ที่คนนิยมกันมากที่สุดในโลกขณะนี้ ในปี 1991 ขณะที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เฮลซิงกิ เขาได้สร้าง linux kernel ขึ้นจากพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Minix ขึ้น หลังจากนั้น เขาก็รวบรวมสมัครพรรคพวกมาช่วยกันเขียน และช่วยกันพัฒนาต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยที่เขาเป็นคนรวบรวม ตรวจสอบ และแจกจ่ายงานไปยังโปรแกรมเมอร์ต่างๆทั่วโลก รวมถึงแจกจ่ายให้คนช่วยกันเอาไปใช้ฟรีๆอีกด้วย จุดที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ ทุกคนที่มาร่วมทำนั้น ทุกคนยินดีช่วยโดยไม่ได้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด และมีเงื่อนไขต่อด้วยอีกว่า เมื่องานเสร็จแล้วจะต้องเผยแพร่ตัว Source Code แก่สาธารณะโดยไม่คิดมูลค่าเช่นเดียวกันครับ ทุกวันนี้ Linux Torvalds ทำงานอยู่ที่บริษัท Transmeta บริษัทที่ทำหน้าที่ออกแบบ CPU และยังคงดำรงตำแหน่ง ผู้นำของบรรดาผู้ใช้งานและพัฒนา Linux ทั้งโลกครับ ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือ Times Magazine ได้ยกให้เค้าเป็น หนึ่งคนในหนังสือชื่อ 60 Years of Hero สุดยอดดดดดดด

Richard Stallman

ผู้ริเริ่มโครงการ GNU (อ่านว่า กนู นะครับ) และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรี รวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft (ฮ่า) และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาติให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลัง สัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมาก ความเป็นแฮกเกอร์ของเค้าโผล่มาตอนที่เค้าทำงานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ Staff Computer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่ Richard Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง ยังครับยังไม่พอ พอแฮกระบบเสร็จก็แฮก Printer ต่อเพื่อพิมพ์ข้อความบอกชาวบ้านว่าระบบไหนอยู่ที่ไหน ปลดรหัสผ่านอะไรไปแล้วบ้าง แสบจริงๆ

Tsutomu Shimomura

สุดยอด White-Hat สายเลือดเอเชีย Tsutomu Shimomura ได้รับชื่อเสียงอย่างโด่งดัง ในฐานะที่ร่วมมือกับ John Markoff ในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลกในยุคนั้น นั่นก็คือ Kevin Mitnick นั่นเอง Tsutumu ทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่ SDSC (San Diego Supercomputer Center) ซึ่งจริงๆแล้วก็โดนอีตา Kevin เข้ามาแฮกเอาโปรแกรมและเมล์สำคัญๆไป ดังนั้นด้วยคาวมแค้นเขาจึงร่วมมือกับ FBI ไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาเมื่อเขาจับได้ เขาก็เลยเขียนหนังสือชื่อ Takedown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย

ตัว ผมเองไม่มีความรู้ถึงขนาดนั้นคงไม่สาระแนไปแนะนำใครได้ ก็ได้แต่หวังว่าคนที่มีความรู้คงจะเอาความรู้ที่มีไปใช้ให้มันถูกทางไม่ เดือดร้อนคนอื่นก็แล้วกัน จะขาวจะดำก็เรื่องของคุณ แต่ขอบอกนะ ไม่เห็นหมวกดำคนไหนรอดคุกสักคน ที่เห็นๆนี่โดนคุกทุกคน น้อยมากอยู่ที่ความสำนึก

บทความ10 ตำนาน Hacker ระดับโลก: อ.ศุภเดช

ดัดแปลงและเรียบเรียงใหม่ Unknown!

จาก http://www.oknation.net/blog/itsp/2010/07/16/entry-2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น