News online

กลับไปยังหน้าหลักเพื่อสนทนา C-Box ดู TV และฟังวิทยุ ได้ที่

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"ศักดินาไม่ดี ทุนนิยมก็เสี่ยง แล้วคนเสื้อแดงจะไปทางไหน?"

จุดประสงค์ที่นำบทความนี้มาลง มิใช่เพื่อคิดจะล้มล้างหรือต่อต้านคุณทักษิณ แต่เพื่อ "นำไปสู่จุดยืน ความเข้มแข็ง และสังคมชนชั้นกรรมาชีพที่ปฏิวัติ" พวกเรามิได้สนับสนุนการรัฐประหาร แต่บางส่วนของบทความนี้ได้ชี้ให้เห็นผลเสียของระบอบประชาธิปไตยที่ทุนเป็น ใหญ่ พวกเราสนับสนุนให้ประชาชนมีการจัดตั้งที่เข้มแข็งและมีจุดยืนให้ประชาชนควบ คุมระบอบนายทุนมิใช่ให้ระบอบนายทุนมาควบคุมประชาชน พวกเราไม่สนับสนุนประชาธิปไตยที่ทุนเป็นใหญ่ แต่สนันสนุนประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งมีรัฐสวัสดิการที่ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม

ทางสู้ของภาคประชาชนอยู่ที่ความเป็นตัวของตัวเองทางการเมือง
July 1st, 2008


การ กลับมาของระบอบทักษิณด้วยชัยชนะการเลือกตั้งของพรรคพลังประชาชนและจัดตั้ง รัฐบาลสมัครที่สำแดงตนชัดเจนว่าจะดำเนินการเพื่อปกป้องการทำลายล้างอำนาจทาง การเมืองของอดีตนายกฯทักษิณและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่เคยมีมานั้น ชี้ให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญในการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาอย่างชัดเจนว่า จะต้องทำลายอำนาจเงินตราที่คอยหนุนค้ำจุนอำนาจทางการเมืองของระบอบทักษิณจึง จะทำให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา และอำนาจเป็นของประชาชนที่เปี่ยมด้วยสำนึกทางการเมือง

ระบอบทักษิณ คือ ระบอบ ประชาธิปไตยที่ทุนเป็นใหญ่ ที่พัฒนาการใช้ทุนเพื่อครอบงำและจัดตั้งคะแนนเสียงอย่างเป็นระบบและต่อ เนื่อง โดยหวังผลการครองความเป็นใหญ่และสืบทอดอำนาจทางการเมืองอย่างไม่รู้สิ้น
ระบอบทักษิณ ยังหมายถึง การ ผลักดันเศรษฐกิจด้วยนโยบายเสรีนิยมใหม่ ซึ่งมุ่งผูกขาดการกอบโกยกำไรสูงสุดผ่านการครอบครองสัมปทาน ธุรกรรมและกิจการของรัฐโดยกลุ่มทุนใหญ่ด้วยเงื่อนไขได้เปรียบทางภาษี ข้อมูลข่าวสาร และอำนาจการบริหารโดยตรงด้วยการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย
ดัง นั้นขณะที่มือข้างหนึ่งโปรยหว่านเศษเงินให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ที่เคยขาดแคลนมาก มาบัดนี้ขาดแคลนน้อยลง ทว่ามืออีกข้างหนึ่งกอบโกยเงินตราเข้ากลุ่มอย่างผูกขาด แล้วใช้อำนาจทุนค้ำจุนอำนาจการเมืองของตนอย่างเข้มแข็ง

แม้ ว่าการเคลื่อนไหวโค่นรัฐบาลทักษิณที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 นอกจากต้องอาศัยการประท้วงทั่วไปของประชาชนโดยเฉพาะในเมืองใหญ่แล้ว ยังต้องอาศัยความมีส่วนร่วมแทรกแซงของอำนาจตุลาการ และอำนาจทางทหารภายใต้พระราชอำนาจนำจึงจะประสบความสำเร็จ กระนั้นการมีส่วนร่วมนั้นเป็นการกระทำแทนการเคลื่อนไหวของประชาชน เพื่อยุติความวุ่นวายทางการเมือง และยุติการเคลื่อนไหวของประชาชนแล้วให้หวังพึ่งพิงอำนาจตุลาการผ่านกลไกศาล และอำนาจรัฐผ่านรัฐบาลสุรยุทธ์

กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า อำนาจเหล่านั้นยังไม่สามารถเอาชนะระบอบประชาธิปไตยที่ทุนเป็นใหญ่ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะไม่ดำเนินการอย่างถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทางสังคมนี้ กล่าวคือ อำนาจแห่งเงินตราของระบอบทักษิณ แม้ว่าจะมีการยึดคืนกิจการไอทีวีที่กระทำผิดสัญญาสัมปทานแต่ก็กระทบอำนาจ เงินตราของระบอบทักษิณเพียงน้อยนิด แม้จะมีการอายัดทรัพย์ของอดีตนายกฯทักษิณและครอบครัวเครือญาติที่เกี่ยวข้อง กับคดีความที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ แต่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า และไร้ประสิทธิภาพ จนแทบจะไม่กระทบกระเทือนทุนใหญ่ของเครือข่ายระบอบทักษิณ นอกจากนี้ การดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมผ่านกลไกการสืบสวนสอบสวนของคตส.ต้องใช้ ระยะเวลานาน และถูกแทรกแซงบิดเบือนหรือต่อรองได้ง่ายดาย

การ พึ่งพิงระบอบอำมาตยาธิปไตยในการจัดการกับระบอบทักษิณนั้นไม่เพียงด้อย ประสิทธิผล หากยังเป็นการดำเนินการที่ขาดการตรวจสอบ ในหลายกรณีเกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และเปิดโอกาสให้เกิดการใช้อำนาจโดยขาดการถ่วงดุล ดังกรณีการออกพรบ.ความมั่นคงแห่งชาติ

ยิ่งเมื่ออำนาจเงิน ตราช่วยฟื้นคืนระบอบทักษิณกลับคืนมาในรูปการของรัฐบาลสมัครที่เต็มไปด้วยนัก เลือกตั้งที่ครอบงำอำนาจการเมืองด้วยระบบเครือญาติและระบบหัวคะแนนจัดตั้ง และรับใช้ผลประโยชน์ของธุรกิจกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่และบรรษัทข้ามชาติมาหลายยุค หลายสมัย เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ประชาธิปไตยที่ทุนเป็นใหญ่นั้นย่อมไม่ใช่ทางออกของประชาชนอย่างแน่นอน เพราะมือที่โปรยหว่านเงินตราเพื่อครอบครองคะแนนเสียงอย่างแข็งแกร่งนั้น สำเร็จเรียบร้อยแล้ว มืออีกข้างหนึ่งย่อมต้องทำงานตามกิเลสตัณหาของกลุ่มทุนใหญ่อย่างไม่ต้อง สงสัย

เราไม่อาจยอมรับว่า เศษเงินที่โปรยหว่านเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้กับประชาชน ตรงกันข้ามเศษเงินเหล่านั้นไม่ได้แก้ปัญหาเกษตรกรที่ถูกขูดรีดจากการผูกขาด ตลาดและกดราคารับซื้อของพ่อค้าคนกลาง และการครอบงำให้วนเวียนอยู่กับการลงทุนการเกษตรด้วยปุ๋ยเคมี พันธุ์พืช และเครื่องจักรเครื่องกลของกลุ่มทุนกลุ่มต่างๆเกิดหนี้สินติดพันพอกพูน จนแทบทุกครอบครัวต้องดิ้นรนส่งเสียให้ลูกหลานเรียนหนังสือเพื่อมารับจ้าง เป็นคนงานในเมือง ภายใต้สภาพเช่นนี้เอง ที่เกษตรกรไทยต้องตกอยู่ในภาวะพึ่งพิงการอุปถัมภ์ของนักเลือกตั้งตลอดมา

ขณะเดียวกัน หากเราปล่อยให้มืออีกข้างหนึ่งที่กอบโกยกำไรยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมเท่ากับทำลายโอกาสที่ประชาชนจะได้นำส่วนเกินทางเศรษฐกิจเหล่านี้มาพัฒนา คุณภาพชีวิตให้มีสวัสดิการสังคมที่มั่นคง เรายังเชื่อมั่นว่าหากประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่มั่นคง พวกเขาย่อมไม่ยอมตนหวังพึ่งการอุปถัมภ์จอมปลอมของนักเลือกตั้งอย่างแน่นอน


เพื่อ การนี้ นอกจากการเปิดโปงให้มวลชนเห็นความเลวร้ายของมือที่มองเห็นทั้งสองข้างนี้ แล้ว เรายังต้องมีข้อเสนอที่ดีกว่าทั้งการจัดสรรงบประมาณ ระบบภาษีที่ก้าวหน้า และการจัดการการผลิตและการบริโภคที่สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนใน ด้านการพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดสวัสดิการสังคมที่มั่นคงและยั่งยืน

มอง ในแง่ยุทธศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองจากนี้ไป วาระแห่งชาติ คือ การทำลายประชาธิปไตยที่ทุนเป็นใหญ่ และแทนที่ด้วยประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งมีรัฐสวัสดิการที่ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม สิ่งนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นจากการทำลายทั้งอำนาจ และเงินตรากลุ่มทุนใหญ่ลงเสียและเปิดทางให้ประชาชนในขบวนการเคลื่อนไหวอัน กว้างขวางที่ได้เลือกตัวแทนทางตรงจัดตั้งเป็นสภาคนงาน ชาวนา ชาวไร่ ทหาร ข้าราชการและทุกสาขาอาชีพ ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายบริหารของประชาชนเข้าแทนที่รัฐบาลเดิม เพื่อดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมไปในทิศทางที่เป็นประชาธิปไตย และจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ระบบภาษี ระบบการผลิตขนาดใหญ่ สาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆเพื่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ดียิ่งขึ้น
ภายใต้ยุทธศาสตร์เช่นนี้ การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอันกว้างขวางย่อมต้องสะสมชัยชนะและขยายการจัด ตั้งตนเองให้เข้มแข็ง ในหลายกรณีชัยชนะที่จำเป็นและสำคัญยิ่งบางครั้งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของ แนวร่วมที่แม้จะมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าเห็นพ้องที่จะร่วมกันเคลื่อนไหวไปสู่เป้าหมายเฉพาะหน้าในขณะนั้น
บท เรียนการเคลื่อนไหวโค่นรัฐบาลทักษิณในปี พ.ศ. 2549 สนับสนุนข้อเสนอข้างต้น เมื่อประเมินจากความอ่อนแอของขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนที่ยังไม่มีทั้ง องค์กรจัดตั้งของตนเองที่รวบรวมตัวแทนมาจากการเข้าร่วมของมวลชนอย่างกว้าง ขวาง ตอนนั้นเรามีเพียงแกนนำการเคลื่อนไหวกลุ่มเล็กๆที่จัดเวทีปลุกระดมมวลชนเท่า นั้น และยังไม่มีข้อเสนอหรือทางออกในการแทนที่อำนาจรัฐหลังโค่นรัฐบาลทักษิณ ตอนนั้นการเคลื่อนไหวมุ่งเพียงการเรียกร้องให้นายกฯทักษิณลาออกจากตำแหน่ง ดังนั้นการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องขอมาตรา 7 หรือกระทั่งการเรียกร้องให้ทหารเข้าร่วมโค่นรัฐบาลเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นแก่ การบรรลุเป้าหมายการโค่นรัฐบาลทักษิณ

ด้วยเหตุฉะนี้ ใครก็ตามที่เชื่อว่า มวลชนผู้ยังไม่พร้อมจะข้ามพ้นการพึ่งพิงพระราชอำนาจ หรือกองกำลังทหารจะสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างมีเค้าโครงการ และการจัดตั้งตนเองอย่างอิสระเสรีเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมตามเจตจำนงของตน เขาผู้นั้นย่อมมีมายาการ หรือความหลงไปว่า ปัญหาเชิงประวัติศาสตร์ว่าด้วยการตื่นตัวของมวลชนที่เป็นตัวของตัวเองจากแนว ทางปฏิรูปสังคมภายใต้พระราชอำนาจนำนั้นได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่าง ไรก็ตาม แม้การพึ่งพิงการมีส่วนร่วมของแนวร่วมเป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งที่เป็นบทเรียนของการเคลื่อนไหวครั้งนั้นก็คือ การขาดความเป็นตัวของตัวเองทางการเมือง ซึ่งก็คือท่าทีทางการเมืองที่ถูกต้องและตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน

ท่า ทีนั้นก็คือ ขณะที่ต้องพึ่งพิงการมีส่วนร่วมของแนวร่วมเพื่อชัยชนะที่จำเป็นต่อความก้าว หน้าของการเมืองภาคประชาชน เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนแสดงออกไปพร้อมกันด้วยว่า แนวร่วมที่เราพึ่งพิงนั้นจะต้องมาร่วมสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้แนวร่วมนั้นมารับเหมาทำแทน ถ้าเป้าหมายการต่อสู้คือการชิงอำนาจรัฐ เราต้องเรียกร้องให้แนวร่วมมาสนับสนุนให้การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนไปสู่ เป้าหมายนี้ ไม่ใช่รับเหมาทำแทนโดยชิงอำนาจรัฐแล้วจัดตั้งรัฐบาลเสียเองดังกรณีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และการตั้งรัฐบาลสุรยุทธ์

นอก จากนี้ เมื่อผลของการเคลื่อนไหวจริงกลายเป็นว่า ทหารรับเหมาทำแทนภาคประชาชนไปแล้ว ภาคประชาชนก็ควรมีท่าทีที่วิจารณ์ให้ชัดเจนว่า การกระทำเช่นนั้นแม้จะโค่นรัฐบาลทักษิณจากอำนาจทางการเมืองลงได้ แต่ไม่อาจบรรลุเป้าหมายการทำลายอำนาจทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุนใหญ่เครือข่าย ระบอบทักษิณ เพราะทหารเพียงต้องการยุติความปั่นป่วนทางการเมือง และนำสังคมกลับสู่ภาวะปกติเท่านั้น แล้วจัดการกับการเอาทักษิณลงจากอำนาจด้วยระบบราชการที่ด้อยประสิทธิภาพ ซึ่งในท้ายสุดแล้วหากดำเนินการไม่ประสบผลก็จะนำไปสู่การประนีประนอมกับระบอบ ทักษิณอย่างแน่นอน

ถ้าหากภาคประชาชนมีท่าทีที่ชัดเจนเช่น นี้ตั้งแต่หลังการรัฐประหาร และต่อมาเหตุการณ์ได้พิสูจน์ว่า เป็นจริงตามที่พยากรณ์ไว้ ภาคประชาชนสามารถใช้ท่าทีนี้สร้างเป็นทางออกในการต่อสู้อย่างเป็นตัวของตัว เองเพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่มองค์กรเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อไป กระนั้นหากจะแสดงท่าทีดังกล่าวในขณะนี้ก็ไม่ถือว่าสายเกินไป เพราะการต่อสู้ระบอบทักษิณที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงการกลับมาของระบอบนี้ใน รูปการของรัฐบาลสมัคร ได้ให้บทเรียนแก่ผู้คนในสังคมที่เข้าร่วมต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงาน นักธุรกิจ นิสิตนักศึกษา ผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ ทหารและข้าราชการทั้งในเมือง และหัวเมืองต่างจังหวัดอย่างชัดเจนว่า การดำเนินการของคมช. และรัฐบาลสุรยุทธ์นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และภาคประชาชนคือหลังอิงสุดท้ายที่พึ่งพิงได้ด้วยทางออกที่เป็นตัวของตัวเอง และด้วยการจัดตั้งองค์กรของตนเองที่เข้มแข็ง

ที่มา ฟ้าเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น